๐ เมื่อคืนนี้ได้มีการชุมนุมนอกสภา แต่เป็นที่หน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ โดยให้เหตุผลว่า”เพื่อจะทวงคืนทรัพย์สินที่เป็นของราษฎร” แทนการชุมนุมที่หน้าสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
นอกจากนั้นมีการปล่อยข่าวว่า จะมีการทำรัฐประหาร ผลคือเพื่อปลุกกระแสให้ผู้ชุมนุมตื่นตัวตลอดเวลา จนทาง ผบ.ทบ.ต้องออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าว หรือแม้กระทั่งการประโคมข่าวว่า จะมีสิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้นในการปราศรัยคืนวันนั้น
สิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นจริง ก่อนที่การชุมนุมจะยุติลง โดยการนำกระทาชายนายหนึ่ง อย่าไปเอ่ยชื่อให้เป็นเสนียดปากเลย ขึ้นเวทีพร้อมทั้งปราศรัยโจมตีนายกฯและรัฐบาล ในทำนองที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ แทนที่จะห้ามปรามกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ให้จาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันฯ กลับชักจูงให้ผู้ชุมนุมเห็นถึงความเลวร้ายของนายกฯและรัฐบาล คำกล่าวของคนๆนี้ พี่น้องจะหาอ่านได้จากข้อเท็จจริงของ อ.เทพพนมฯที่เขียนไว้ละเอียดมากในเฟสของอาจารย์เอง ไปหาอ่านเอาเถอะ แล้วจะทราบว่าคนๆนั้น มีสันดานอย่างไร?
สำหรับเราแล้วจะขอเล่าถึงคนที่อยู่เบื้องหลังม็อบ”คณะราษฎร ๖๓” ที่เล่นง่ายๆชุ่ยๆ เอาความโลภ เอาเงินมาล่อตาล่อใจ แล้วเอาเรื่องเล่าตลบตะแลง ความจริงครึ่งเดียวมาปั้นแต่ง ปลุกระดม สร้างความชอบธรรม
พวกไม่กล้าออกหน้าเอง เพราะรู้ว่ามันไม่จริง มันมั่ว มันผิดกฏหมาย จึงยุยงยกยอ ปลุกปั่นให้คนบางกลุ่ม ที่ไม่มีคุณงามความดีอะไรต่อบ้านเมืองมาก่อนเลย มาออกหน้าแทน มาล่าสุดก็เรื่องทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ความจริงเป็นอย่างไร ? ตามเรามาแล้วจะทราบ
๐ นับตั้งแต่สมัยที่ประเทศไทย ยังปกครองในระบอบที่พระมหากษัริย์ ทรงเป็นประมุข ทรัพย์สินต่างๆในราชอาณาจักรเป็นของพระองค์ ผู้ทรงอยู่ในฐานะ”พระเจ้าแผ่นดิน”แต่เพียงพระองค์เดียว
๐ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ไดเกิดวิกฤติการณ์ รศ .๑๑๒ (พศ.๒๔๒๖) ที่สยามเกิดกรณีพิพาทกับฝรั่งเศส และถูกเรียกค่าชดเชยค่าเสียหายเป็นเงินหลายล้านบาท จนต้องนำเงิน”ถุงแดง” มาสมทบ จนสามารถรักษาเอกราชอธิปไตยของชาติไว้ได้จนถึงบัดนี้
๐ ในรัชสมัยของรัชกาลที่ ๕ ได้มีการปฏิรูประบบการคลังใหม่ ได้มีการแยกพระราขทรัพย์ส่วนพระองค์ ออกจากทรัพย์สินของแผ่นดินอย่างเด็ดขาด โดยทรงมอบหมายให้”กรมพระคลังข้างที่”เป็นผู้จัดการดูแลพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์
๐ ต่อมาในปี ๒๔๓๔ ได้จัดตั้งกระทรวงคลังขึ้นมาเป็นครั้งแรก ส่งผลให้ตำนสนเงินที่ได้รับการจัดสรรของกรมพระคลังข้างที่ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ในช่วงแรก รายได้จากกรมพระคลังข้างที่ นำไปเป็นค่าใช้จ่ายส่สนลลวนพระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ คีาใช้จ่ายในการบำรุงรักษาพระราชวัง และค่าใช้จ่ายในการเสด็จฯไปทรงศึกษาในต่างประเทศของพระราขโอรสเป็นหลัก
๐ อย่าลืมว่า สำนักงานทรัพย์สินฯ มีจุดกำเนิดมาจากเงินส่วนพระองค์ของในหลวงรัชกาลที่ ๓ ที่ได้จากการทำธุระกิจของพระองค์เอง ตั้งแต่ก่อนครองราชย์ะป็นพระเจ้าแผ่นดิน เงินก้อนที่เรียกว่า”เงินถุงแดง” ต่อมาจนถึงรัชกาลที่ ๕ เรียกว่า”เงินข้างที่” ต่อมาเปลี่ยนมาเป็น”กรมพระคลังข้างที่” ก่อนจะถูกเปลี่ยนเป็นสำนักงานทรัพย์สินฯ หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พศ.๒๔๗๕
ความจริงแล้ว ทรัพย์สินส่วนนี้ มันจึงเป็นทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว พวกม็อบราษฎรกบฏปล้นชาติต่างหาก ที่ออกมากล่าวใส่ร้าย ตามที่คนที่อยู่เบื้องหลังม็อบราษฎร หรือคนที่อยู่หลังเพจเยาวชนปลดแอก ยุยงปลุกปั่นสร้างชุดความคิดบิดเบือนหลอกลวงมวลชนเป็นเครื่องมือปล้นชาติ พยายามช่วงชิงอำนาจรัฐ และเป็นกบฏละเมิดต่อระบอบการปกครอง
๐ เอางี้ เรามาสมมุติกันเล่นๆ ถ้าม็อบราษฎรยึดได้แล้ว จะยังไงต่อ?คิดว่ากุ้นต่างๆไนธนาคาร จะตกเป็ชนของประชาชนจริงหรือ?
๐ จะให้นักการเมืองเข้ามาดูแล แล้วโกงหรือเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองอย่างที่ผ่านๆมาหรือ?
หรือต่อให้แบ่งให้ประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน แล้วจะยังไงต่อ?คิดว่าประชาชนจะถือไว้หรือขาย? แล้วถ้าทุกคนแห่กันขายเพื่อเอาเงิน อะไรจะเกิดขึ้น?
๐ สุดท้าย หุ้นเหล่านั้นก็จะถูกแทรกแซง หรือตกอยู่ในมือของทุนสามานย์ ทั้งจากในและนอกประเทศ แล้วผลเสียที่จะเกิดขึ้นตามมา จะร้ายแรงเพียงใด? ใครเสียประโยชน์?
๐ ที่สำคัญที่สุด เงินส่วนนี้เป็นพระราชมรดก คณะราษฎรต่างหากที่เข้ามาปล้น และคณะราษฎรนี่แหละ ที่เอาทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์ออกมาขายให้ตัวเองในราคาถูกๆ เช่น กรณีของขุนนิรันดรชัย คนสนิทจอมพล ป. ที่ลูกหลานแย่งมรดกมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทกันอยู่ในปัจจุบัน
๐ แล้วทุกวันนี้ ประเทศชาติและประชาชน ได้อะไรจากทรัพย์สินเหล่านั้นบ้าง? ม็อบราษฎร ๖๓ จะปล้นชาติตามรอยคณะราษฎรรุ่นพี่ ๒๔๗๕ หรือ?
๐ ถามเพื่อให้ตอบ แต่รู้ว่าไม่มีปัญญาตอบหรอกว่า ม็อบราษฎร ๖๓ จะเริ่มก่อกบฏ โดยใช้ความมั่นคงทางเศรษฐกิจของชาติเป็นตัวประกันแล้วใช่ไหม?
๐ น่ากลัวจะยาวเหมือนตอนเช้าอีกแล้ว มาต่อกันพรุ่งนี้ดีกว่านะ จะได้พักสายตากันบ้าง เวลานี้สถาบันพระมหากษัตริย์ ถูกวิจารณ์กันมาก กลุ่มผู้ชุมนุมที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์สถาบันฯครั้งหลังๆนี้นั้น เกี่ยวข้องอะไรด้วยกับนักการเมืองเหล่านั้นหรือไม่? รัฐเองได้เข้าไปตรวจสอบบ้างหรือไม่ว่า ผู้ที่ยุยงปลุกปั่นประขาชนนั้น มาจากส่วนใดบ้าง ใครมีประโยชน์แอบแฝง? ใครมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ? หรือรัฐบาลไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้มันเป็นอย่างที่เคยเป็น ตำรวจจับส่งฟ้องศาล แล้วได้รับการประกันตัว ตำรวจจับตามหมายจับ ฝากขังศาลๆไม่อนุญาต แล้วจะทำกันยังไงดีล่ะ หรือจะปล่อยเลยจตามเลย ช่างมันเถอะ บ้านเมืองไม่ใช่ของเราคนเดียว เราก็กำลังปีนบันไดเมรุเผาศพใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ดีไม่ดีเดี๋ยวตกเมรุเสียก่อน หรือจะเอาแบบ “เงียบไว้แล้วดีเอง” หรือ”ช่างหัวมัน รักษาหัวกูไว้ดีกว่า” สวัสดีจ้ะ.
FB Akhom Makaranond